หูดที่อวัยวะเพศ หรือ หูดหงอนไก่ (Genital Wart)
หูดที่อวัยวะเพศ หรือ หูดหงอนไก่ (Genital Wart)
อะไรคือหูดที่อวัยวะเพศ (Genital wart)
หูดที่อวัยวะเพศ(หูดหงอนไก่) คือ ก้อนเนื้อแปลกปลอมเล็กๆ ที่เกิดขึ้นที่บริเวณรอบๆ รูทวารและอวัยวะเพศหญิงหรือชาย ทางการแพทย์เรียกโรคนี้ว่า Condyloma Accuminata หรือ หูดหงอนไก่ น้อยครั้งมาก ที่จะพบที่ในช่องปาก โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า HPV Virus หรือ Human Papilloma Virus
เราจะได้รับเชื้อไวรัสหูดที่อวัยวะเพศ (Genital wart) นี้มาจากไหน ?
การติดเชื้อ ไวรัส HPV นี้พบได้บ่อย คนเราอาจจะได้ไวรัสนี้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีเชื้อนี้ หรือเด็กทารกได้รับเชื้อนี้จากมารดาของตนเอง ในขณะคลอดทางช่องคลอดที่มีเชื้อนี้
คู่นอน (คู่เพศสัมพันธ์) ที่มีคนหนึ่งเป็นโรคนี้ จำเป็นต้องเป็นโรคนี้ (คือมีก้อนหูดขึ้นที่อวัยวะเพศ ) ด้วยหรือไม่ ?
2 ใน 3 ของคนที่มีคู่นอนที่มีหูดที่อวัยวะเพศ(หูดหงอนไก่) (Genital Wart) จะมีก้อนหูดขึ้นด้วย ภายใน 9 เดือน แต่คนที่ไม่มีเนื้อหูดขึ้น อาจจะมีเชื้อไวรัสนี้แอบแฝงอยู่อย่างเงียบๆ ก็ได้
การใช้ถุงยางอนามัยนั้นสามารถป้องกันเชื้อ ไวรัสหูดได้ แม้ในคู่นอนที่มีหูดขึ้นแล้วทั้งคู่ก็ควรใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งเพื่อไม่ ให้เกิดภาวะการติดเชื้อกันไปมาซ้ำซาก
ทำไมคู่นอนของเราถึงไม่เป็นหูดที่อวัยวะเพศ (Genital Wart) ทั้งที่เราเป็น ?
มีผู้คนจำนวนมากที่ได้รับเชื้อหูดที่อวัยวะเพศ(หูดหงอนไก่) (Genital Wart) แล้ว ไม่สำแดงอาการใดๆออกมาเลย เรียกว่าอยู่ในระยะแอบแฝง (Latent Period) ระยะนี้ จะเปลี่ยนมาเป็นระยะที่มีอาการ หรือไม่ก็ได้ และในปัจจุบันนี้เราก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่า คนที่มีเชื้อไวรัสนี้แอบแฝงสามารถนำเชื้อนี้ไปติดคนอื่นได้หรือไม่ และมากเท่าไร
หูดที่มือของเรา หรือมือของคู่นอนของเรา สามารถติดมาที่อวัยวะเพศของเราได้หรือไม่ ?
เชื้อไวรัสหูด (HPV) นั้นมีหลายสายพันธุ์ เชื้อหูดที่อวัยวะเพศของเราเป็นคนละสายพันธุ์กับหูดที่ส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เรา นั่นคือ หูดที่มือของเราก็จะไม่ติดไปที่อวัยวะเพศของเรา และหูดที่อวัยวะเพศของเราก็จะไม่ติดไปที่มือของเราเช่นกัน
เรา (และคู่นอนของเรา) ควรตรวจการตรวจอย่างอื่นด้วยหรือไม่ถ้าเราเป็นหูดที่อวัยวะเพศ ?
แน่นอนเรา (และคู่นอนของเรา) ควรตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ด้วย เพราะถ้าเราติดเชื้อหูดที่อวัยวะเพศ(หูดหงอนไก่) (Genital Wart) ได้เราก็ติดเชื้อ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นได้เช่นกัน
โรคหูดที่อวัยวะเพศ(หูดหงอนไก่) (Genital Wart) สามารถรักษาได้หรือไม่ ?
หูดที่อวัยวะเพศ (Genital Wart) สามารถรักษาได้โดยวิธีการดังต่อไปนี้
การใช้ความเย็นทำลาย
การทำลายด้วยเครื่องจี้ไฟฟ้า หรือ เลเซอร์
การจี้ทำลายด้วยสารเหลว เช่น จี้ด้วย Podophyllin in Tincture Benzoid 25% ทาที่หูดแล้วทิ้งไว้ 4 ชั่วโมงจึงล้างออก ทำซ้ำได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ถ้า 4 ครั้งไม่หายให้เปลี่ยนวิธีการรักษา (ห้ามใช้ในคนตั้งครรภ์)
แม้ว่าจะได้กำจัดหูดที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าไปแล้ว ด้วยวิธีการดังกล่าวข้างต้น แต่อาจจะมีเชื้อไวรัสที่ยังหลงเหลืออยู่ที่ผิวหนังบ้างก็ได้ ดังนั้นการรักษาหูดบางครั้งอาจจะจำเป็นต้องได้รับการรักษาหลายครั้งจึงจะหาย ขาด
มีภาวะอะไรไหมที่กระตุ้นให้หูดกำเริบขึ้นมาได้ ?
มี เช่น ภาวะการตั้งครรภ์ สามารถกระตุ้นให้หูดกำเริบขึ้นมาได้ ในคนที่เคยมีประวัติเป็นหูดมาก่อนแล้วและได้รับการรักษาจนหายแล้ว หรือแม้คนที่ไม่เคยมีหูดมาก่อนเลยก็พบได้บ่อยขึ้นในการที่จะเป็นหูดในช่วง ของการตั้งครรภ์
เมื่อเราติดเชื้อนี้แล้ว จะมีวันที่ไวรัสนี้ จะหมดไปจากตัวเราหรือไม่ ?
ในปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าคนที่มีเชื้อ นี้ในระยะแอบแฝงคือไม่มี ก้อนหูดให้เห็น จะยังคงมีเชื้อนี้อยู่ในร่างกายไปอีกนานเท่าไร หรือจะมีไปตลอดชีวิตเลยหรือไม่ ยังไม่มีความแน่ชัดในเรื่องนี้
เชื้อไวรัสหูดที่อวัยวะเพศ (Genital Wart) สามารถทำให้เกิดมะเร็งได้หรือไม่ ?
เชื้อ HPV บางสายพันธุ์ ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันว่าทำให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูก เช่น สายพันธุ์ 16, 18 (ส่วนสายพันธ์ 11, 6 ทำให้เกิด หูดหงอนไก่ หรือ Genital Wart) การมีเชื้อไวรัสนี้และเป็นคนที่สูบบุหรี่ด้วย มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูกได้มากกว่าคนที่มีเชื้อนี้แล้วไม่ได้ สูบบุหรี่
ชายที่ติดเชื้อเอดส์แล้วมีเพศสัมพันธ์กับ ชายที่มีหูดที่อวัยวะเพศ หรือรอบทวารหนัก (Anogenital Wart) ทางทวารหนัก มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งที่ที่ทวารหนักมากขึ้น